รีวิว E-Sarn Tootsie Part 1 (2024) อีสานตุ๊ดซี่ ภาค 1
เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่จะมาขายขำให้แฟนชาวไทย ได้รับชมกันอย่างเรื่อง “อีสานตุ๊ดซี่ ภาค 1 E-Sarn Tootsie Part 1” ซึ่งเป็นภาพยนตร์สุดของประเทศไทยเรา ที่ได้ออนแอร์ออกอากาศไปเมื่อเดือน พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมาทาง MONOMAX ค่ายดังของวงการบันเทิง ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ได้สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ต้องขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดกันอย่างเด็ดขาด สำหรับคอภาพยนตร์ชาวไทย โดยเรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์แนว คอมเมดี้ ที่ได้นักแสดงดาราดังหลายท่านเข้ามารับบทนำอย่าง โก๊ะตี๋ อารามบอย, ยุคลเดช ปัจฉิม, วราวุธ โพธิ์ยิ้ม, ภักดี พลล้ำ , รณกร ทรงแสง , เรืองยศ สีโสฬสสกุล , ดีใจ ดีดีดี , กิตติพัฒน์ สมานตระกูลชัย, แค่รายชื่อของเหล่านักแสดง ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ารับชมกันเป็นอย่างมาก สำหรับพล็อตเรื่องเอง ก็มีความแปลกใหม่อยู่ไม่น้อย ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นผลงานการสร้างโดย “พชร์ อานนท์” ผู้กำกับภาพยนตร์สุดโด่งดังที่สร้างผลงานในเรื่องต่างๆมากันแล้วอย่างมากมาย สำหรับผลงานชิ้นนี้ของเขา ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับคอหนังห้ามพลาดกันอย่างเด็ดขาด และเรื่องนี้จะใช้เวลาในการดำเนินเรื่อง 1 ชั่วโมง 42 นาทีจบ สำหรับใครที่อยากจะขำจนท้องแข็ง ก็ห้ามพลาดไปกับการรับชมเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
เรื่องย่อ อีสานตุ๊ดซี่ ภาค 1 (2024) E-Sarn Tootsie Part 1
เป็นเรื่องราวของยุคสมัยใหม่ และทำให้เวทีการประกวดเปิดวงกว่างมากขึ้น หนึ่งในเวที่เหล่านั้นก็มี เวที LGBTQ+ ใฝ่ฝันที่อยากจะไปคว้ามงกุฎมาครอบครอง หนึ่งในเวทีประกวด MISS LGBTQ+ ซึ่ง “โอ่เล่” (โก๊ะตี๋ อารามบอย) เธอก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการอยากที่จะไปคว้ามงกุฎมากครอบครอง เพราะเนื่องจากเธอไม่ตรงตามที่ Beauty Standard จึงทำให้เธอเกิดการเปลี่ยนใจ และได้กลายมาเป็นตัวแม่ที่มีการค้นหาช้างเผือก ในการส่งเข้าประกวดสานความฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง ในงานคอนเสิร์ตของวงระเบียบวาทะศิลป์ “มายมิ้น” (เรืองยศ สีโสฬสสกุล) และ “ซูกัส” (หลุยส์ เชิญยิ้ม) พร้อมกับ “โอเล่” ก็ได้พบกับ “โต๋เต๋” (ต้าวหยอง ยุคลเดช) เด็กหนุ่มแดนเซอร์ผู้หน้าหวาน ที่ได้สร้างความประทับใจให้กับพวกเขาทั้งสามเป็นอย่างมาก จากนั้นไม่นาน “โอเล่” เธอก็ได้เข้าไปตื้อให้เขาเข้ามาเป็นเด็กปั่นของเธอ เพื่อทำการส่งเข้าประกวด MISS LGBTQ+ ในช่วงแรกๆ “โต๋เต๋” เขาก็ไม่ตกลงเพราะเนื่องจากคำห้ามของครอบครัว แต่เพราะความตื้อของทุกๆคน และ “โต๋เต๋” เองก็อยากไปตามหาเพื่อนในวัยเด็ก ที่ไปเข้าเรียนที่กรุงเทพ จึงทำให้ “โต๋เต๋” ตกลงในที่สุดเรื่องราวจะสนุกมากน้อย แค่ไหนนั้นต้องไปรับชมกัน